การดูแลสุขภาพช่องปากของมารดานั้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่การดูแลสุขภาพฟันของลูกก็เป็นสิ่งสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ในความเป็นจริงมารดาควรดูแลสุขภาพช่องปากของลูกก่อนที่เด็กจะคลอดด้วยซ้ำ คู่มือนี้เป็นการสรุปสาระสำคัญในการดูแลรักษาช่องปากของลูกตั้งแต่ช่วงอยู่ในครรภ์มารดาจนถึงช่วงหัดเดิน
เด็กแรกเกิดต้องการสุขภาพฟันที่สมบูรณ์แข็งแรงเพื่อกิน พูด และยิ้ม ข้อปฏิบัติต่อไปนี้คือข้อปฏิบัติเพื่อปกป้องรอยยิ้มของลูกน้อยของคุณ
อาการฟันผุในระยะแรกเริ่มในวัยเด็กเป็นโรคทางทันตกรรมที่มีความร้ายแรง ผลของโรคนี้คือการเกิดฟันผุ การปวดฟัน การอักเสบ การสูญเสียฟันตั้งแต่ยังเด็ก ปัญหาในการพูดออกเสียง และการสูญเสียความเชื่อมันในตนเอง อาการฟันผุในระยะแรกเริ่มในวัยเด็กสามารถป้องกันได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
4 วิธีในการปกป้องรอยยิ้มของลูกน้อย
2 วิธีในการปกป้องรอยยิ้มของลูกน้อย
1. จำกัดจำนวนครั้งที่ลูกทานขนมขบเคี้ยวในแต่ละวัน: หลีกเลี่ยงการให้ลูกทานน้ำอัดลม ขนมหวานและอาหารจำพวกแป้งเช่น มันฝรั่ง และขนมปังกรอบ เพราะขนมขบเคี้ยวเหล่านี้ทำให้เกิดอาการฟันผุได้
ไม่ควรให้ขนมขบเคี้ยวลูกเป็นประจำ ทุกๆครั้งที่ลูกทานขนมหวานหรืออาหารจำพวกแป้ง จะมีการสร้างกรดที่กัดกร่อนฟันเสมอ ยิ่งมีกรดมากเท่าไหรยิ่งมีโอกาสเกิดฟันผุมากเท่านั้น หากคุณอยากจะให้ลูกทานขนมขบเคี้ยว ควรให้ร่วมกับมื้ออาหาร
ข้อควรระวัง: ข้อมูลจากสมาคมกุมารศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกาบอกว่า ในช่วงอายุนี้ ลูกควรหยุดใช้ขวดนม
การเลี้ยงลูกด้วยขวดนม หรือการให้ดูดขวดนมขณะนอนหลับจะทำให้เกิดอาการฟันผุได้ ฟันผุนี้จะทำให้เกิดอาการเจ็บปวด การติดเชื้อ และลดความงามของรอยยิ้มของลูกคุณ
รายการขนมขบเคี้ยวที่ทำให้ฟันมีสุขภาพแข็งแรง:
แสดงความรักต่อลูกด้วยการให้ขนมขบเคี้ยวที่ทำให้ฟันมีสุขภาพแข็งแรง
• ผลไม้
• ผัก
• แซนวิช
• คาราเมลกับนม
• เนย
• โยเกิร์ต
• นม
• น้ำผลไม้ที่ไม่ผสมน้ำตาล
2. จำกัดจำนวนของขบเคี้ยวที่ให้ในแต่ละวันไว้ที่ 2-3 ครั้งต่อวัน
แปรงฟันสองครั้งต่อวัน:แปรงฟันลูกวันละสองครั้งหลังอาหารเช้าและก่อนนอน ใช้แปรงสีฟันสำหรับเด็กที่มีขนแปรงอ่อนนุ่มในการทำความสะอาดเหงือกและฟัน หากเด็กสามารถที่จะบ้วนน้ำได้หลังจากแปรงฟัน
3. คุณควรบีบยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ขนาดเท่าเม็ดถั่วลงบนแปรงสีฟัน ลูกคุณควรเริ่มที่จะหัดแปรงฟันด้วยตัวเองแต่คุณยังต้องคอยช่วยเขาอยู่ คุณจะเสร็จงานก็ต่อเมื่อลูกคุณแปรงฟันเสร็จ เด็กส่วนใหญ่ที่อายุน้อยกว่า 6 ปีจะยังแปรงฟันได้ไม่ถูกต้องถูกวิธีนัก
จำไว้เสมอว่า ทันตแพทย์คือมิตรของคุณ:หลังจากการตรวจฟันครั้งแรกตอนอยุ 1 ปี คุณควรพาลูกไปตรวจสุขภาพฟันอย่างสม่ำเสมอ ก่อนที่คุณจะพาลูกไปตรวจ
คุณอาจจะต้องเล่นบทหมอฟันกับลูกของคุณ ใช้ไฟฉายและกระจก แล้วผลัดกันนับจำนวนฟัน รวมถึงอ่านหนังสือเกี่ยวกับทันตแพทย์ให้ลูกฟัง
บอกลูกของคุณเสมอให้รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไปหาทันตแพทย์ คุณอาจจะบอกลูกว่า "คุณลุงหมอฟันอยากจะเจอลูกอีก แล้วเขาก็อยากถ่ายรูปฟันของลูกด้วย" พยายามทำให้ข้อความที่ลูกได้รับเป็นบวกอยู่เสมอ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจและให้ความรู้ในเรื่องสุขภาพช่องปากทั่วไป ไม่ได้ใช้เพื่อแทนคำแนะนำ การวินิจฉัย หรือการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรม หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับอาการหรือการรักษาทางการแพทย์ โปรดขอคำแนะนำจากทันตแพทย์หรือผู้ให้บริการด้านสุขภาพที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
แบบทดสอบเกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก
ทำแบบประเมินสุขภาพช่องปากของเราเพื่อให้กิจวัตรการดูแลช่องปากของคุณเกิดประโยชน์มากที่สุด
แบบทดสอบเกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก
ทำแบบประเมินสุขภาพช่องปากของเราเพื่อให้กิจวัตรการดูแลช่องปากของคุณเกิดประโยชน์มากที่สุด