การประชุมทางธุรกิจกับ 3 คน
Badge field

ฟันโยกมีสาเหตุมาจากอะไร?

Published date field

ตอนที่เราเป็นเด็ก ฟันโยกหรือคลอนนั้นหมายความว่า อีกหน่อยเราจะมีฟันแท้ขึ้นมาแล้ว แต่เมื่อเราเป็นผู้ใหญ่ ฟันโยกกลับหมายถึงสัญญาณบ่งบอกว่าฟันและเหงือกของเราเริ่มมีปัญหาและต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วนก่อนที่ฟันนั้นจะหลุดออกไป มีหลายสาเหตุที่ทำให้ฟันของเราโยกคลอนและหลายสาเหตุในจำนวนนั้นเราสามารถป้องกันได้ด้วยตัวเอง

ปัญหาปริทันต์

จากงานวิจัยของสถาบันวิจัยแห่งชาติสหรัฐอเมริกาด้านทันตกรรม พบว่าปัญหาปริทันต์หรือปัญหารำมะนาดนั้นไม่ได้ทำร้ายเหงือกของคุณเพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลเสียต่อเอ็นยึดปริทันต์และกระดูกที่อยู่รอบ ๆ ฟันด้วย ปัญหาปริทันต์เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ฟันโยกที่พบได้มากที่สุด โดยปัญหาปริทันต์นั้นเกิดจากการคราบพลักของแบคทีเรียสะสมตัวขึ้นที่ฟัน บริเวณขอบเหงือกและกลายเป็นคราบแข็งที่เรียกว่า "หินปูน" คราบพลักสะสมมาจากการแปรงฟันที่ไม่สะอาดพอหรือไม่ได้แปรงฟันและขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ และขณะที่คราบหินปูนก่อตัวขึ้น แบคทีเรียก็ยิ่งสะสมตัวบนคราบหินปูนมากขึ้นเพราะพื้นผิวหินปูนมีลักษณะขรุขระ ทำให้แบคทีเรียจับตัวเพิ่มที่ผิวฟันได้ง่าย จากนั้นแบคทีเรียเหล่านี้จะสร้างสารพิษขึ้นมาเพื่อทำลายเนื้อเยื่อเหงือกและทำให้เหงือกอักเสบในที่สุด อาการเหงือกอักเสบคือมีเลือดออกง่ายและร่นออกจากฟัน เหงือกที่ไม่แข็งแรงจะมีร่องลึกปริทันต์ (Periodontal Pocket) ขึ้นรอบ ๆ ฟัน ยิ่งเปิดทางให้เชื้อแบคทีเรียรวมถึงสารพิษที่แบคทีเรียผลิตขึ้นเข้าสู่ร่องลึกปริทันต์ได้จนเข้าทำลายกระดูกและเอ็นยึดปริทันต์ได้ในที่สุด

วิธีที่คุณป้องกันฟันโยกคือ พยายามอย่าให้เป็นปัญหาเหงือก จนมีภาวะเหงือกร่นและเกิดร่องลึกปริทันต์ หมั่นแปรงฟันให้สะอาดและขัดฟันทุกวัน รวมถึงไปพบทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือน สำหรับใครที่กลัวว่าฟันของตัวเองจะโยก ให้ปรึกษาทันตแพทย์เพื่อหาวิธีรักษาหรือป้องกันได้ ด้วยนวัตกรรมปัจจุบันคุณก็สามารถรักษาฟันโยกของคุณได้หลากหลายวิธีไม่ว่าจะเป็น การทำความสะอาดช่องปากแบบล้ำลึก การผ่าตัดศัลยกรรมปริทันต์ หรือการรักษาด้วยวิธีบำรุงรักษาเหงือก เป็นต้น

ฮอร์โมนเนื่องจากการตั้งครรภ์

ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนและเอสโตรเจนที่สูงขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ก็ส่งผลทำให้เอ็นยึดปริทันต์และกระดูกที่อยู่รอบ ๆ ฟันของคุณอ่อนแอลงได้ ทำให้ฟันของคุณโยกได้เช่นกัน แต่กรณีนี้จะเป็นเพียงชั่วคราวและไม่ถึงกับทำให้ฟันของคุณหลุด เว้นแต่คุณมีปัญหาแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น ปัญหาปริทันต์หรือปัญหารำมะนาด ดังนั้น ในกรณีที่ตั้งครรภ์ คุณควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจดูสุขภาพช่องปากพร้อมรับคำแนะนำวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องเหมาะสมในช่วงเวลาพิเศษนี้ด้วย

ปัญหากระดูกพรุน

ทั้งหญิงและชายล้วนเป็นปัญหากระดูกพรุนได้ทั้งนั้น หมวยถึงความหนาของมวลกระดูกน้อยลงส่งผลให้กระดูกเปราะบางขึ้น เช่นเดียวกับฟัน เมื่อความหนาของมวลกระดูกรอบ ๆ ฟันน้อยลงแล้ว ฟันของคุณก็จะโยกคลอนได้ง่าย ตามข้อมูลของสถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกากล่าวว่า หญิงที่เป็นปัญหากระดูกพรุนมีแนวโน้มฟันหลุดได้มากกว่าผู้หญิงที่ไม่เป็นปัญหานี้ถึง 3 เท่า

นอกจากนี้ สมาคมทันตกรรมแห่งอเมริกายังแนะนำว่า คุณควรแจ้งให้ทันตแพทย์ทราบว่าคุณกำลังรับประทานยารักษาปัญหากระดูกพรุนใดอยู่บ้าง แม้ว่าความเสี่ยงจะมีน้อย แต่ในบางกรณีอาจมีการต้านการออกฤทธิ์ของยาขึ้นได้ และยารักษาปัญหากระดูกพรุนบางตัวอาจขัดขวางการรักษาอาการฟันโยกของคุณได้ หรือยาบางตัวอาจส่งผลถึงขั้น "ภาวะกระดูกตาย" ทำให้ฟันของคุณโยกเพิ่มขึ้น

การบาดเจ็บจากแรงกระแทก

เอ็นยึดปริทันต์และเนื้อเยื่อรอบ ๆ ฟันอาจยืดขยายได้เมื่อถูกแรงดันอย่างแรงที่ฟัน เมื่อเอ็นยึดปริทันต์นี้เกิดการยืดขยายมาก ฟันของคุณก็จะโยกคลอนได้ ตัวอย่างเช่น คนที่นอนกัดฟัน หรือมีฟันที่เรียงตัวไม่เหมาะสม นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากอุบัติเหตุตกจากที่สูงหรือการบาดเจ็บอื่น ๆ ที่ทำให้เอ็นยึดปริทันต์และกระดูกรอบ ๆ ฟันเสียหาย หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น คุณควรไปพบแพทย์ทันทีเพื่อรักษาก่อนที่ฟันของคุณจะหลุดออกมา

ฟันโยกเป็นสัญญาณอันตรายที่คุณควรใส่ใจเพื่อป้องกันการสูญเสียฟัน ไปพบทันตแพทย์ทันทีเพื่อทราบระดับความรุนแรงของฟันที่โยกนั้นๆ และมีปัญหาอื่น ๆ ร่วมด้วยหรือไม่ เพื่อรับการรักษาได้อย่างทันท่วงทีก่อนที่จะสูญเสียฟันไป

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจและให้ความรู้ในเรื่องสุขภาพช่องปากทั่วไป ไม่ได้ใช้เพื่อแทนคำแนะนำ การวินิจฉัย หรือการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรม หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับอาการหรือการรักษาทางการแพทย์ โปรดขอคำแนะนำจากทันตแพทย์หรือผู้ให้บริการด้านสุขภาพที่มีคุณสมบัติเหมาะสม

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจและให้ความรู้ในเรื่องสุขภาพช่องปากทั่วไป ไม่ได้ใช้เพื่อแทนคำแนะนำ การวินิจฉัย หรือการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรม หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับอาการหรือการรักษาทางการแพทย์ โปรดขอคำแนะนำจากทันตแพทย์หรือผู้ให้บริการด้านสุขภาพที่มีคุณสมบัติเหมาะสม