ปัจจัยใดที่ส่งผลต่อสีของฟัน
บางคนเกิดมาพร้อมกับฟันที่ดูเหลืองกว่าคนอื่น ในขณะที่บางคนฟันเป็นสีเหลืองตามอายูที่เพิ่มขึ้น สีฟันตามธรรมชาติของเราอาจจะได้รับผลกระทบจากหลาย ๆ ปัจจัย โดยคราบบนผิวฟัน หรือคราบสีที่ฟัน และการเปลี่ยนแปลงของสีฟันเกิดจาก:
- ยาสูบ (ไม่ว่าการสูบหรือการเคี้ยว)
- การดื่มชา กาแฟ หรือไวน์แดง
- การรับประทานอาการที่มีสารสีแดงหรือม่วงสูง เช่น เชอร์รี่ หรือบลูเบอร์รี่
- การสะสมของหินปูน ซึ่งเกิดคราบแบคทีเรียที่แข็งตัว
คราบภายในฟัน เกิดจาก:
- การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ เตตราซัยคลีน ในช่วงที่ฟันเริ่มก่อตัว
- การเหลืองหรือเทาของฟันตามอายุที่มากขึ้น
- การบาดเจ็บของฟันซึ่งอาจทำให้ประสาทฟันตาย และฟันเหลือง เทา หรือดำ
- การได้รับฟลูออไรด์มากเกินไปในช่วงที่ฟันเริ่มก่อตัว (ตั้งแต่แรกเกิดถึงอายุ 16 ปี) ซึ่งทำให้ฟันมีสีไม่สม่ำเสมอ
สีฟันผิดปกติ |
สีฟันหลังจาก |
การทำให้ฟันขาวมีวิธีอะไรบ้าง
การทำความสอาดอย่างทั่วถึงโดยทันตแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยกำจัดคราบภายนอกที่เกิดจากอาหารและยาสูบ การใช้ยาสีฟันฟอกฟันขาวก็สามารถช่วยกำจัดคราบบนผิวฟันในระหว่างการนัดตรวจ ครั้งต่อไปได้เช่นกัน ถ้าคราบสะสมมานานหลายปี คุณอาจต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ ในการทำให้ฟันขาว เพื่อกำจัดคราบสะสมฝังลึกออกไป
ส่วนคราบภายในฟันสามารถทำการฟอกสีฟัน การเคลือบผิวฟัน หรือการครอบฟัน แต่ละวิธีมีความปลอดภัยและได้ผลจริง ซึ่งทันตแพทย์จะเป็นผู้แนะนำว่าวิธีใดเหมาะสมกับฟันของคุณ และผลลัพธ์ที่คุณต้องการ โดยพิจารณาจาก:
- ระดับและชนิดของคราบ
- โครงสร้างฟันที่ยังเหลือมีเท่าไร (มีการอุดฟันมากหรือไม่ หรือ ต้องการเปลี่ยนแปลงรูปทรงฟันหรือไม่)
การฟอกฟันขาวมีวิธีการอย่างไร
การฟอกฟันสามารถทำได้ทั้งที่คลินิคและที่บ้าน (โดยใช้อุปกรณ์ที่ทันตแพทย์สั่งให้) ทั้งสองวิธีต่างใช้ เจลฟอกฟันที่ช่วยกำจัดคราบ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเกิดอาการเสียวฟันได้ในขณะที่ทำการฟอกฟัน
- การฟอกฟันที่บ้าน
การฟอกฟันที่บ้านเป็นที่นิยมกันมากขึ้นในปัจจุบัน โดยทันตแพทย์จะทำถาดพิมพ์เฉพาะสำหรับฟันคุณ ซึ่งจะใช้โดยการเติมเจลฟอกฟันลงไปและใส่ถาดนั้นวันละ 2 ชั่วโมงในแต่ละวันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ อุปกรณ์ฟอกฟันที่สั่งโดยทันตแพทย์ในทุกวันนี้จะมีส่วนผสมของ คาร์บาไมด์ เพอร์ออกไซด์ อยู่ 10-15% ถ้าทำภายใต้การดูแลของทันตแพทย์ การฟอกฟันที่บ้านก็จะผลดีเช่นกัน - การฟอกฟันที่คลินิค
วิธีนี้ไม่ต้องทำบ่อย แต่มีราคาแพงกว่า โดยจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมงต่อการพบทันตแพทย์ 1 ครั้ง และคุณอาจต้องพบทันตแพทย์อีกหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลที่ต้องการ ในการปกป้องช่องปากของคุณ สารคล้ายเจลจะถูกทาเคลือบเหงือกและใส่อุปกรณ์ป้องกันที่ทำจากยาง จากนั้นจึงจะใช้สารฟอกฟัน บางครั้งอาจมีการใช้แสงพิเศษประมาณ 5 นาทีเป็นช่วง ๆ เพื่อช่วยให้สารเคลือบฟันทำงานได้ดีขึ้น
การเคลือบผิวมีวิธีการอย่างไร
การเคลือบผิวฟันจะใช้ได้ทั้งวัสดุเรซินหรือพอซเลน / วัสดุเคลือบผิวฟันสีธรรมชาติ (veneers) เพื่อปกปิดผิวหน้าของฟันที่เป็นคราบ และเพิ่มความสวยงามให้กับฟันที่หัก/บิ่น หรือรูปทรงผิดปกติ วิธีการเคลือบผิวฟันมี 2 เทคนิคคือ:
- Composite bonding
ด้านหน้าของฟันจะต้องถูกขูดออกเพื่อไม่ให้ผิวฟันใหม่ดูหนาเกินไป จากนั้นทำให้เกิดเป็นรูเล็ก ๆ หลายรูที่ผิวฟันด้วยกรดอ่อน ๆ และใช้วัสดุเรซินที่เลือกสีให้เหมาะกับฟันรอบ ๆ แล้วแปะเข้าไปที่ฟัน จัดแต่งรูปทรงและทำให้อยู่ทรงด้วยแสง จากนั้นก็ทำการขัดให้เรียบ - Veneer bonding
สารเคลือบผิวฟันสีธรรมชาติจะสร้างขึ้นมาเพื่อให้เหมาะกับสีและรูปทรงฟันของคุณ โดยทั่วไป porcelain veneers จะมีความคงทนกว่า ในขณะที่วัสดุผสมจะมีราคาถูกกว่า โดยทั่วไปหลังจากที่หน้าฟันถูกขูดออกไปแล้ว ทันตแพทย์จะทำการพิมพ์ฟันของคุณและส่งไปยังห้องปฏิบัติการเพื่อสร้าง veneers และผิวฟันก็จะถูกทำให้หยาบด้วยกรดอ่อน ๆ เพื่อให้ veneers เกาะกับฟันได้โดยใช้ซีเมนต์สำหรับการเคลือบผิวฟัน
แม้ว่าจะมีราคาแพงกว่า แต่พอซเลน วีเนียร์ให้สีเป็นธรรมชาติกว่า และคงทนกว่าโดยสามารถอยู่ได้นานถึง 5-10 ปี
ก่อนทำ |
หลังทำ |
ฟันที่เพิ่งผ่านการฟอกฟันมาจะเป็นคราบได้หรือไม่
ฟันซี่ไหน ๆ ก็ตามสามารถเป็นคราบได้ รวมทั้งวัสดุเคลือบผิวฟันที่กล่าวไปแล้วด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้คราบกลับมาอีก หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี ชา กาแฟ ไวน์แดง และอาหารที่มีสีจัด รวมทั้งแปรงฟันวันละ 2 ครั้งด้วยยาสีฟันฟอกฟันขาวด้วย *The Complete Guide to Better Dental Care, Jeffrey F. Taintor, DDS, MS and Mary Jane Taintor, 1997.