ประวัติแปรงสีฟันและยาสีฟัน
Badge field

ประวัติของแปรงสีฟันและยาสีฟัน

Published date field

ประวัติของแปรงสีฟัน

ย้อนไปเมื่อ 3,000 - 3,500 ปีก่อนคริสตกาล ต้นกำเนิดของแปรงสีฟันเริ่มจากชาวบาบิโลนและชาวอียิปต์ได้นำปลายกิ่งไม้มาประยุกต์ใช้เป็นแปรงสีฟัน

มีการค้นสิ่งของในสุสานของชาวอียิปต์โบราณ เช่น ไม้จิ้มฟัน

อยู่เคียงข้างเจ้าของ

เมื่อประมาณ 1,600 ปีก่อนคริสตกาล ชาวจีนได้พัฒนา "ไม้เคี้ยว" ซึ่งทำจากกิ่งไม้หอมเพื่อช่วยให้มีลมหายใจหอม สดชื่น

 

เชื่อกันว่า ชาวจีนได้ประดิษฐ์แปรงสีฟันแบบขนแปรงธรรมชาติชนิดแรกจากขนแปรงของคอหมูยึดติดกับกระดูกหรือด้ามไม้ไผ่ ขึ้นในศตวรรษที่ 15 มีการเผยแพร่จากจีนไปยังยุโรป การออกแบบแปรงสีฟันนี้ก็มีการดัดแปลงโดยใช้ขนม้าที่นุ่มกว่า จึงเป็นที่ชื่นชอบในบรรดาชาวยุโรป นอกจากนี้ ยังเกิดการออกแบบอื่น ๆ ขึ้นในยุโรปอีก เช่น แปรงที่ทำจากขนนก เป็นต้น

แปรงสีฟันร่วมสมัย อันแรก ถูกออกแบบโดยวิลเลียม แอดดิส ที่ประเทศอังกฤษ เมื่อปีค.ศ. 1780 – ด้ามจับทำจากกระดูกวัว ส่วนตัวแปรงยังคงทำจากขนแปรงสุกร ในปี ค.ศ. 1844 แปรงสีฟันที่มีขนแปรง 3 แถวด้ามแรกก็ได้รับเกิดขึ้น

 

ขนแปรงจากวัสดุธรรมชาติยังคงใช้อยู่จนกระทั่ง Du Pont ได้คิดค้นไนลอนขึ้น

การประดิษฐ์ไนลอนในปี ค.ศ. 1938 เป็นจุดเริ่มของการพัฒนาแปรงสีฟันที่ทันสมัยอย่างแท้จริงและในปี ค.ศ. 1950 ได้มีการผลิตขนแปรงไนลอนที่อ่อนโยนขึ้น จนเป็นที่นิยมใช้กันอย่างมาก

แปรงสีฟันไฟฟ้าด้ามแรกของโลกถูกผลิตขึ้นในปี ค.ศ. 1939 และในปี ค.ศ. 1960 จึงได้มีการผลิตแปรงสีฟันไฟฟ้าด้ามแรกในสหรัฐอเมริกายี่ห้อ บล็อกโซเด้นท

 

ทุกวันนี้ แปรงสีฟันแบบธรรมดาและแบบไฟฟ้ามีหลากหลายรูปแบบและขนาดให้เลือกใช้ โดยทั่วไปจะทำจากด้ามจับพลาสติกและขนแปรงไนลอน

แปรงสีฟันใหม่ ๆ มักประกอบด้วยด้ามจับตรง ลักษณะด้ามโค้งมนและมีวัสดุยางเพื่อจับกระชับมือยิ่งขึ้น

ขนแปรงสีฟันทำจากขนสังเคราะห์ มีตั้งแต่แบบขนแปรงค่อนข้างแข็ง แบบนุ่มไปจนถึงนุ่มมาก

ส่วนหัวแปรงสีฟันก็มีตั้งแต่ขนาดเล็กมากสำหรับเด็กเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ขึ้นสำหรับเด็กโตและผู้ใหญ่ อีกทั้งยังมีหลายรูปทรง เช่น แบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า แบบกลมรี แบบรูปไข่และ มนกลม

 

 

หากว่ากันตามลักษณะพื้นฐานของแปรงสีฟันนั้น ไม่ได้เปลี่ยนไปมากตั้งแต่สมัยชาวอียิปต์และชาวบาบิโลนจนถึงปัจจุบัน โดยมีด้ามจับสำหรับถือและขนแปรงสำหรับทำความสะอาดฟัน

อย่างไรก็ดี แปรงสีฟันก็มีวิวัฒนาการจากแปรงสีฟันดั้งเดิม ได้รับการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ที่ทันสมัย รวมถึงการใช้วัสดุที่ปลอดภัย ถูกสุขอนามัยและดีต่อเราทุกคน

 

ประวัติของ ยาสีฟัน เชื่อกันว่าชาวอียิปต์เริ่มใช้ยาทาทำความสะอาดฟันในช่วง 5000 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งเกิดก่อนการประดิษฐ์แปรงสีฟันด้วยซ้ำ และเป็นที่รู้กันว่าชาวกรีกและโรมันโบราณก็มีการใช้ ยาสีฟัน เช่นกัน ส่วนชาวจีนและอินเดียเริ่มใช้ยาสีฟันเป็นครั้งแรกเมื่อประมาณ 500 ปีก่อนคริสตกาล

ช่วงยุคโบราณ ยาสีฟัน

ถูกนำมาใช้เพื่อลดความกังวลบางประการเช่นเดียวกับที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน นั่นคือการรักษาความสะอาดเหงือกและฟัน เพื่อให้ฟันขาวและทำให้มีลมหายใจที่สดชื่น

ส่วนผสมของ ยาสีฟันโบราณ มีความแตกต่างและหลากหลายมาก ส่วนผสมที่ใช้ได้แก่ ผงเถ้าที่ได้จากการเผากีบเท้าวัวและเปลือกไข่ถูกรวมอยู่กับหินภูเขาไฟ

ชาวกรีกและโรมันนิยมการขัดสีฟันมาก ดังนั้นจึงมีการนำกระดูกบดและเปลือกหอยนางรมมาใส่ในยาสีฟัน

นอกจากนี้ ชาวโรมันยังได้ปรุงแต่งรสเพิ่มเพื่อช่วยในการดับกลิ่นปากด้วยผงถ่านและเปลือกไม้

ส่วนชาวจีนได้ใช้สารหลากหลายใส่ใน

ยาสีฟัน

 

ได้แก่

โสม มินต์สมุนไพร

และ เกลือ

 

การพัฒนาของ ยาสีฟัน

ในยุคที่มีความทันสมัยมากขึ้น เกิดในช่วงปี ค.ศ. 1800

ยาสีฟันรุ่นแรกๆ จะมีสบู่เป็นส่วนผสม และในปี ค.ศ. 1850 ได้เพิ่มชอล์กเข้าไปในยาสีฟันด้วย

ยาสีฟันในประเทศอังกฤษในช่วงปี ค.ศ. 1800 มีการใส่หมากเพิ่มเข้าไป และในช่วงปี ค.ศ. 1860 ได้มีการบันทึกในสารานุกรมว่ามีการทำยาสีฟันใช้เองตามบ้านด้วยถ่านบด

 

ก่อนปี ค.ศ. 1850 'ยาสีฟัน' ปรากฎในรูปแบบผง และในปี ค.ศ. 1850 เริ่มมียาสีฟันชนิดบรรจุในขวดกำเนิดขึ้น เรียกว่า Crème Dentifrice จนกระทั่งปีค.ศ. 1873 บริษัทคอลเกตได้ทำการผลิตยาสีฟันในขวดแก้วนี้ออกจำหน่ายเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1890 คอลเกตได้ทำการเปิดตัวยาสีฟันชนิดบรรจุในหลอดขึ้น

จนกระทั่งเมื่อปี ค.ศ. 1945 ยาสีฟัน เช่นกัน ได้เปลี่ยนการใช้สบู่ มาเป็น โซเดียมลอริลซัลเฟต แทน เพื่อให้ได้เนื้อยาสีฟันที่เนียนน่าใช้มากขึ้น

มีการเพิ่มส่วนผสมใหม่ ๆ ในยาสีฟันรุ่นปัจจุบัน

 

 

หรือช่วงครึ่งหลังของ

ศตวรรษที่ 20 เพื่อให้มีคุณสมบัติช่วยป้องกันหรือแก้ไขปัญหาเฉพาะในช่องปาก เช่น ลดอาการเสียวฟัน ยาสีฟัน ผสมฟลูออไรด์ ช่วยป้องกันฟันผุ ได้กำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1914 ยาสีฟัน ที่มีสารขัดฟันน้อยลงหรือละเอียดขึ้นได้ถูกพัฒนาเพื่อลดปัญหาฟันสึกซึ่งเกิดจากการแปรงฟันที่แรงเกินไป

 

ยาสีฟัน

ในปัจจุบันมักมีส่วนผสมของฟลูออไรด์ สีและกลิ่น สารให้ความหวานและสารที่ทำให้ยาสีฟันมีฟองเนียนนุ่มและคงความชุ่มชื้น

ยาสีฟันแบบหลอดถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลกและถือเป็นสิ่งประดิษฐ์หนึ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก

 

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจและให้ความรู้ในเรื่องสุขภาพช่องปากทั่วไป ไม่ได้ใช้เพื่อแทนคำแนะนำ การวินิจฉัย หรือการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรม หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับอาการหรือการรักษาทางการแพทย์ โปรดขอคำแนะนำจากทันตแพทย์หรือผู้ให้บริการด้านสุขภาพที่มีคุณสมบัติเหมาะสม