ทำไมต้องรับประทานแคลเซียม

การกัดกร่อนโดยกรด

เนื่องจากแคลเซียมเป็นส่วนประกอบหนึ่งของฟัน และเมื่ออายุมากขึ้น แร่ธาตุแคลเซียมฟอสเฟต ซึ่งเป็นส่วนประกอบของเคลือบฟันมักอ่อนแอลงและสึกกร่อนไปตามกาลเวลา ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงเพื่อเพิ่มแร่ธาตุให้ฟันและปกป้องเคลือบฟันเป็นสิ่งจำเป็น นอกจากนี้แคลเซียมยังช่วยให้เหงือกแข็งแรง ลดการเกิดปัญหาเหงือกและป้องกันฟันผุได้อีกด้วย

ควรรับประทานแคลเซียมมากแค่ไหน

สถาบันสุขภาพแห่งชาติ แนะนำให้ผู้ใหญ่รับประทานแคลเซียมอย่างน้อย 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน เพราะเมื่ออายุมากขึ้น โอกาสที่กระดูกจะกร่อนและปัญหาฟันผุก็จะเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะผู้ที่สมาชิกในครอบครัวมีประวัติเป็นปัญหากระดูกพรุน

ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ได้แก่ การรับประทานยาที่มีผลต่อการสึกกร่อนของกระดูกหรือผู้ที่มีภาวะแพ้น้ำตาลแลคโตส เป็นต้น ควรรับประทานอาหารแคลเซียมสูงเป็นประจำทุกวัน แต่ถ้ายังได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ สามารถรับประทานแคลเซียมเสริมได้

อาหารแคลเซียมสูง

อย่างแรกที่คุณคิดถึงอาจเป็นผลิตภัณฑ์นมต่างๆ นม 1 แก้วมีปริมาณแคลเซียม 300 มิลลิกรัม หากดื่มนม 3 แก้วครึ่ง คุณจะได้รับแคลเซียมเท่ากับปริมาณความต้องการต่อวัน แต่ถ้าคุณไม่ชอบดื่มนมหรือแพ้น้ำตาลแล็กโตส สถาบันปัญหากระดูกพรุนแห่งสหรัฐอเมริกา แนะนำให้รับประทานอาหารชนิดอื่นแทนดังนี้

  • น้ำส้ม  ดื่มน้ำส้มที่มีแคลเซียมสูงจะได้รับแคลเซียม 300 มิลลิกรัม แต่หากคุณไม่ชอบความเปรี้ยวในน้ำส้ม เลือกอาหารแคลเซียมสูงชนิดอื่นๆ ดู
  • ปลา  คุณอาจไม่เคยคิดเลยว่าปลาก็มีแคลเซียมสูง เติมน้ำมันปลาซาร์ดีน 3 ออนซ์ลงในพิซซ่าจะได้แคลเซียม 325 มิลลิกรัม หรือน้ำมันปลาแซลมอน 4 ออนซ์จะได้รับแคลเซียม 240 มิลลิกรัมและดีต่อหัวใจด้วย
  • ผักใบเขียว ผักใบเขียวมีแคลเซียมสูงเช่นกัน อย่างผักเคล 1 ถ้วยมีแคลเซียม 180 มิลลิกรัม ในขณะที่ผักคะน้าฝรั่งมีแคลเซียม 360 มิลลิกรัม ลองทำสลัดผักใบเขียว หรือถ้าคุณไม่ชอบ ลองปั่นรวมกับโยเกิร์ตและกล้วยเพื่อให้มีรสหวานนิดๆ แถมยังได้ประโยชน์ต่อฟันและกระดูกด้วย
  • ถั่ว หากคุณชอบถั่ว ฟันของคุณก็จะดีไปด้วย ถั่วอบ 1 ถ้วยมีแคลเซียม 320 มิลลิกรัม ในขณะที่ถั่วลิสงมีแคลเซียม 175 มิลลิกรัม เมื่อเพิ่มถั่วท้้ง 2 ชนิดในซุปหรือสลัด ก็ช่วยเพิ่มแคลเซียมให้กับร่างกายได้
  • ถั่วอัลมอนด์ นิตยสาร ไทม์แมกกาซีนกล่าวถึงอัลมอนด์ว่าเป็นของว่างที่มีประโยชน์มากและมีแคลเซียมสูง ถึง 75 มิลลิกรัมต่อออนซ์ ลองพกถุงใส่อัลมอนด์เล็กๆ ไว้รับประทานยามหิวได้

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแคลเซียมช่วยเสริมสร้างสุขภาพช่องปาก ฟัน และเหงือกให้แข็งแรงได้ นอกจากการดื่มนมทุกวันเพื่อให้ได้รับปริมาณแคลเซียมที่เพียงพอแล้ว ยังมีอาหารอีกหลายชนิดที่มีปริมาณแคลเซียมสูง การได้รับปริมาณแคลเซียมอย่างน้อย 1,000 มิลลิกรัมต่อวันช่วยให้รอยยิ้มของคุณสดใสและได้รับประทานของอร่อยอีกด้วย

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจและให้ความรู้ในเรื่องสุขภาพช่องปากทั่วไป ไม่ได้ใช้เพื่อแทนคำแนะนำ การวินิจฉัย หรือการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรม หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับอาการหรือการรักษาทางการแพทย์ โปรดขอคำแนะนำจากทันตแพทย์หรือผู้ให้บริการด้านสุขภาพที่มีคุณสมบัติเหมาะสม

แบบทดสอบเกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก

อะไรคือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังรอยยิ้มของคุณ

ทำแบบประเมินสุขภาพช่องปากของเราเพื่อให้กิจวัตรการดูแลช่องปากของคุณเกิดประโยชน์มากที่สุด

แบบทดสอบเกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก

อะไรคือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังรอยยิ้มของคุณ

ทำแบบประเมินสุขภาพช่องปากของเราเพื่อให้กิจวัตรการดูแลช่องปากของคุณเกิดประโยชน์มากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

เหงือกร่นสามารถงอกใหม่ได้หรือไม่?

ปัญหาสุขภาพเหงือก

เหงือกร่นสามารถงอกใหม่ได้หรือไม่?

เหงือกร่นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่การแปรงฟันที่แรงเกินไปไปจนถึงการบดฟันของคุณ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้เหงือกร่นและวิธีการรักษาได้ที่นี่

ลดคราบแบคทีเรียและป้องกันเหงือกอักเสบ ด้วยยาสีฟันรักษาโรคเหงือก

ปัญหาสุขภาพเหงือก

ลดคราบแบคทีเรียและป้องกันเหงือกอักเสบ ด้วยยาสีฟันรักษาโรคเหงือก

ดูแลสุขภาพเหงือกด้วยยาสีฟันรักษาเหงือกที่ช่วยลดการสะสมของคราบแบคทีเรีย ป้องกันเหงือกอักเสบ พร้อมคำแนะนำการดูแลช่องปากอย่างครบถ้วนจากคอลเกต!

สาเหตุและอาการเหงือกบวม เหงือกอักเสบ พร้อมวิธีป้องกันและรักษาก่อนพบแพทย์

ปัญหาสุขภาพเหงือก

สาเหตุและอาการเหงือกบวม เหงือกอักเสบ พร้อมวิธีป้องกันและรักษาก่อนพบแพทย์

ทำความเข้าใจอาการเหงือกบวมและเหงือกอักเสบ รวมถึงสาเหตุที่ทำให้เกิด เช่น การแปรงฟันแรง พร้อมวิธีป้องกันและรักษาเพื่อสุขภาพเหงือกที่แข็งแรง อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

เปิดใช้งานคุกกี้เพื่อดูเนื้อหานี้

เปิดใช้งานคุกกี้เพื่อดูเนื้อหานี้

เปิดใช้งานคุกกี้เพื่อดูเนื้อหานี้

เปิดใช้งานคุกกี้เพื่อดูเนื้อหานี้

เปิดใช้งานคุกกี้เพื่อดูเนื้อหานี้

เปิดใช้งานคุกกี้เพื่อดูเนื้อหานี้

เปิดใช้งานคุกกี้เพื่อดูเนื้อหานี้

เปิดใช้งานคุกกี้เพื่อดูเนื้อหานี้

เปิดใช้งานคุกกี้เพื่อดูเนื้อหานี้

เปิดใช้งานคุกกี้เพื่อดูเนื้อหานี้

เปิดใช้งานคุกกี้เพื่อดูเนื้อหานี้

เปิดใช้งานคุกกี้เพื่อดูเนื้อหานี้

เปิดใช้งานคุกกี้เพื่อดูเนื้อหานี้

เปิดใช้งานคุกกี้เพื่อดูเนื้อหานี้

เปิดใช้งานคุกกี้เพื่อดูเนื้อหานี้

เปิดใช้งานคุกกี้เพื่อดูเนื้อหานี้

เปิดใช้งานคุกกี้เพื่อดูเนื้อหานี้

เปิดใช้งานคุกกี้เพื่อดูเนื้อหานี้

เปิดใช้งานคุกกี้เพื่อดูเนื้อหานี้