การสึกของเคลือบฟัน มีผลต่อฟันของคุณอย่างไร

การสึกของเคลือบฟันเกิดขึ้นเมื่อเคลือบฟันสึกหรือกร่อน 650;ดยกระบวนการทางเคมีของกรด การสึกของเคลือบฟันมีสองประเภท ได้แก่

1. การสึกจากภายใน — เกิดจากกรดกระเพาะและการสำลักกรดเนื่องจากอาการ ทางการแพทย์หรือจิตใจ (เช่น อาการกรดไหลย้อน ปัญหาอนอเร็กเซีย ปัญหาบูลิเมีย ฯลฯ)

2. การสึกจากภายนอก – เกิดจากกรดที่รับประทาน (เช่น การรับประทานน้ำตาล น้ำอัดลมสำหรับลดความอ้วน น้ำอัดลม ฯลฯ) ทำให้ปากเปลี่ยนสภาพเป็นกรด

เมื่อเคลือบฟันเริ่มสึก อาจก่อให้เกิดอาหารต่างๆ เหล่านี้ขึ้น:

• ฟันอาจสึกกร่อนมากขึ้น
• ฟันเริ่มเปลี่ยนสีเนื่องจากเคลือบฟันสึกออกไปและเนื้อ ฟันเผยออกมา ดูภาพเนื้อฟันสีเหลืงด้านล่าง
• อาจมีอาการเสียวฟันเนื่องจากเคลือบฟันสึกทำให้ริมฝี ปากและผิวลิ้นสัมผัสฟันและเนื้อฟันนั้นอ่อนกว่าเคลือบฟันและจึงไวต่อสัมผัส อากาศ แรงกัด และการกัดของกรดมากกว่า
• ขอบฟันอาจดูโปร่งใส

เมื่อคุณพบทันตแพทย์เพื่อรับการรักษาเรียบร้อยแล้ว คุณอาจอยากปรึกษาเกี่ยวกับขั้นตอนต่อไปเพื่อลด การสึกกร่อนของฟันในปาก:

1. ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ท่านมีปัญหาเคลือบฟันสึกหรือไม่
2. ระบุความถี่และวิธีการในการรับประทานกรด
3. ปรึกษานักโภชนากรเพื่อช่วยประเมินการรับประทาน อาหารและลดการรับประทานกรด
4. หาว่าคุณมีปัญหากรดไหลย้อน การสำลักกรด หรือความผิดปกติในการรับประทานหรือไม่
5. ระบุว่าฟันซี่ใดที่ต้องการการทดแทนด้วยการบูรณะ เพื่อความงามและ/หรือน้ำยาประสาน

การสึกของฟันส่งผลต่อคนทุกกลุ่มอายุและดูเหมือนว่าจะ เกี่ยวข้องกับอาการเสียวฟัน (2) ต้องงดอาหารและเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์เป็นกรดเนื่องจากเป็นสาเหตุของการสึกของฟัน นอกจากนี้ อาจใช้ยาสีฟันสูตรลดอาการเสียวฟันซึ่งมีฤทธิ์กัดกร่อนต่ำเพื่อบรรเทาอาการเสียวฟัน อาจพิจารณาใช้สารผนึกหรือน้ำยาประสานเพื่อลดการเพิ่มขึ้นของสึกกร่อน การใช้ฟลูออไรด์จะช่วยเจือจางความเป็นกรดแทนการทำ ให้ฟันแข็ง ปรึกษาทันตแพทย์ของคุณเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับทางเลือก ต่างๆ 
ในการรักษาการสึกของเคลือบฟันและประเภทการรักษา เพื่อความงามที่เขา/เธอจะรักษาคุณ

1. ข้อมูลมาจากเว็บไซต์ของ U.S. Health and News ที่ http://health.usnews.com/usnews/health/healthday/080312/dental-erosion-on-rise-in-us_pr
2. 4. Smith, BGN, Robb ND. The prevalence of toothwear in 1007 dental patients. J Oral Rehabil 1996, 23:232-239.

© Copyright Colgate-Palmolive Company 2011