ผู้หญิงที่กำลังจับแก้มด้านซ้ายจากอาการเหงือกอักเสบ
Badge field

สาเหตุของโรคเหงือกอักเสบ บรรเทาอาการเหงือกอักเสบด้วยเองได้หรือไม่

Published date field
Published date field อัพเดทล่าสุด
Published date field

ตรวจสอบทางการแพทย์โดย Colgate Global Scientific Communication

เหงือกอักเสบ หรือ ‘โรคปริทันต์’ เป็นปัญหาสุขภาพช่องปากที่พบได้ทั่วไป มักเกิดจากการสะสมตัวของแบคทีเรียเหมือนแผ่นฟิล์มบางๆ เคลือบบนผิวฟัน รวมถึงเศษอาหารติดฟันและเหงือก โดยแบคทีเรียเหล่านี้จะสร้างกรดขึ้นมาทำลายเคลือบฟัน (Enamel) ทำให้เหงือกบวม แดง และระคายเคือง คนส่วนใหญ่มักเลือกใช้วิธีธรรมชาติในการรักษาเหงือกอักเสบมากกว่าการใช้ยาแผนปัจจุบัน ว่าแต่เหงือกอักเสบเกิดจากสาเหตุอะไร เราสามารถป้องกันเหงือกอักเสบได้ด้วยวิธีไหนบ้าง? เพื่อป้องกันไม่ให้เหงือกอักเสบกลับมาอีกครั้ง มาดูกันดีกว่า!

เหงือกอักเสบ เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง?

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า เหงือกอักเสบ เป็นภาวะที่เหงือกเกิดการอักเสบ บวมแดง อาจมีเลือดออกขณะแปรงฟัน หรือระหว่างการใช้ไหมขัดฟันร่วมด้วย หากปล่อยทิ้งไว้นานเกินไปอาจเกิดการติดเชื้อที่กระดูกยึดฟันและเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียง ซึ่งอาจทำให้ฟันโยก ฟันหลุด หรือจำเป็นต้องถอนฟัน เหงือกอักเสบมักเกิดจากการสะสมตัวของแบคทีเรีย โดยมีสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้

  • การทำความสะอาดช่องปากไม่ดีพอ: การแปรงฟันไม่ถูกวิธี แปรงฟันวันละครั้ง หรือดูแลสุขภาพช่องปากไม่ดีพอ จะทำให้แผ่นคราบจุลินทรีย์สะสมและก่อให้เกิดแบคทีเรียได้ 

  • การสะสมของหินปูน: หินปูนเป็นคราบแข็งที่เกิดจากการสะสมของแผ่นคราบจุลินทรีย์ หากไม่ได้รับการขูดออกจะกลายเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย 

  • การสูบบุหรี่: บุหรี่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ และทำให้ร่างกายต่อสู้กับการติดเชื้อได้ยากขึ้น 

  • การใช้ยาบางชนิด: ยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้เหงือกอักเสบได้ เช่น ยาความดันโลหิตสูง ยารักษาโรคลมชัก ยารักษาโรคเบาหวาน หรือยาบางชนิดที่ใช้รักษาโรคมะเร็ง  

  •  โรคบางชนิด: โรคเบาหวาน โรคโลหิตจาง และโรคภูมิแพ้ สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเหงือกอักเสบได้ 

  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในระหว่างตั้งครรภ์ ช่วงวัยรุ่น หรือระยะหมดประจำเดือน สามารถทำให้เหงือกอักเสบได้ง่ายขึ้น 

  • การใส่เครื่องมือทางทันตกรรม: การใส่ฟันปลอม หรือเครื่องมือจัดฟันที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดการสะสมของแบคทีเรียและนำไปสู่ภาวะเหงือกอักเสบได้

เหงือกอักเสบแบบไหน ที่ควรไปพบทันตแพทย์?

จริง ๆ แล้วอาการเหงือกอักเสบ หรือปริทันต์ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นานเกินไป หากคุณเริ่มมีอาการเหงือกอักเสบในระยะแรก ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้แปรงฟันอย่างถูกวิธีร่วมกับการใช้ไหมขัดฟันและน้ำยาบ้วนปากสูตรอ่อนโยน หากอาการไม่ดีขึ้น เช่น ร่องเหงือกกลายเป็นโพรง ปวดเหงือก มีไข้ หรือฟันโยกร่วมด้วย ควรรีบไปพบทันตแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยเร็วจะดีกว่า เรารวมสัญญาณปัญหาเหงือกอักเสบที่ควรไปพบทันตแพทย์ ดังนี้

  • เหงือกบวม แดง และมีเลือดออกบ่อยครั้ง: แม้ว่าจะแปรงฟันเบาๆ ก็ตาม 

  • เหงือกร่น ร่องเหงือกเป็นโพรง และมองเห็นรากฟันมากขึ้น 

  • มีหนองไหลออกมาจากซอกเหงือก

  • ปวดเหงือก หรือรู้สึกเจ็บปวดรุนแรง 

  • มีกลิ่นปากเรื้อรัง แม้จะแปรงฟันอย่างเหมาะสมแล้วก็ตาม 

  • ฟันโยก ฟันเก หรือรู้สึกว่าฟันหลวม 

  • มีไข้ หรือรู้สึกไม่สบายตัว 

เมื่อคุณมีอาการเหงือกอักเสบแม้เพียงเล็กน้อย ก็ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและเข้ารับการรักษาที่ถูกต้อง หากปล่อยไว้อาจทำให้ปัญหาลุกลามกลายเป็นโรคปริทันต์ และนำไปสู่การสูญเสียฟันได้

5 วิธีรักษาเหงือกอักเสบด้วยตัวเอง

หากคุณมีอาการเหงือกอักเสบในระยะแรก ๆ สามารถรักษาให้หายด้วยตัวเองได้ เนื่องจากกระดูกติดฟันและเนื้อเยื่อยังไม่ถูกทำลาย เรามี 5 วิธีรักษาเหงือกอักเสบด้วยวิธีธรรมชาติมาฝาก

  1. แปรงฟันให้ถูกวิธี การแปรงฟันวันละ 2 ครั้งทุกเช้าและก่อนนอน ร่วมกับการใช้ไหมขัดฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร จะช่วยขจัดเศษอาหารและแบคทีเรียในช่องปากได้อย่างดี ที่สำคัญควรเลือกใช้ยาสีฟัน หรือน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของสมุนไพร ช่วยดูแลสุขภาพเหงือกให้แข็งแรงและบรรเทาอาการเหงือกอักเสบได้ 

  2. เลือกใช้แปรงสีฟันขนอ่อนนุ่ม: การแปรงฟันแรงจนเกินไป หรือใช้แปรงสีฟันที่มีขนแข็ง ๆ จะทำร้ายเหงือกให้อักเสบได้ แนะนำให้เลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่ม และควรเปลี่ยนแปรงสีฟันทุก ๆ 3 เดือน หรือเมื่อเห็นว่าขนแปรงเสื่อมสภาพแล้ว เราแนะนำ เเปรงสีฟัน คอลเกต เจนเทิล กัมเอ็กเปิร์ต ที่พัฒนาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรม เป็นแปรงสีฟันที่ช่วยดูแลสุขภาพเหงือก นวดเหงือก ด้วยขนแปรงที่โอบกระชับ มีขนเเปรงนุ่มหนาเเน่นกว่า 6,700 เส้น ขนเเปรงต่างระดับจึงครอบคลุมพื้นผิวฟัน เหงือก และซอกซอนร่องเหงือกได้ดีขึ้นถึง 6 เท่า จึงช่วยลดปัญหาสุขภาพเหงือก 200%*  

  3. รักษาด้วยขมิ้นชัน คุณสามารถนำขมิ้นชันมาปอกเปลือก ล้างน้ำให้สะอาด แล้วบดให้ได้ประมาณ 1 ช้อนชา เติมเกลือลงไปเล็กน้อยและนำไปผสมน้ำสะอาด ทาขมิ้นที่บดแล้วบริเวณเหงือกที่บวม จะช่วยลดอาการอักเสบของเหงือกได้ ควรทำวันละ 2 ครั้ง (เช้าและเย็น)

  4. ใช้น้ำยาบ้วนปากสมุนไพร อีกหนึ่งวิธีรักษาเหงือกอักเสบด้วยตัวเองที่บ้าน คือการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของสมุนไพร เช่นสารสกัดจากต้นเสจ ที่มีสรรพคุณในการรักษาปัญหาเหงือก มีงานวิจัยในสหรัฐอเมริกาที่ศึกษาด้านสมุนไพรพบว่า เสจสามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ เหงือกบวม และเหงือกอักเสบได้ นอกจากนี้ โรสแมรี่ก็มีสรรพคุณในการกำจัดกลิ่นปาก และสามารถทำเป็นน้ำยาบ้วนปากได้ด้วยตัวเอง เพียงใส่ใบโรสแมรี่ประมาณ 113 กรัมลงในน้ำเดือด 2 ถ้วยตวง จากนั้นเทใส่ในขวดโหล ปิดฝาทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วกรองเอาแต่น้ำก็จะได้น้ำยาบ้วนปากจากธรรมชาติ

  5. ใช้สมุนไพรสวนครัว อาจารย์ คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แนะนำพืชสมุนไพรไทยที่สามารถใช้รักษาปัญหาเหงือกไว้ เช่น ใบข่อยทำให้เหงือกและฟันแข็งแรง เปลือกมังคุดแก้เหงือกอักเสบ ใบฝรั่งกำจัดกลิ่นปาก ใบพลูช่วยฆ่าแบคทีเรียภายในช่องปาก เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีเปลือกทับทิม ชะเอมไทย กระชาย ว่านหางจระเข้ ฯลฯ ที่นิยมนำมาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากอีกด้วย

ด้วยวิธีง่าย ๆ เหล่านี้ คุณก็สามารถรักษาและป้องกันการเกิดเหงือกอักเสบได้ด้วยตัวเองที่บ้าน ที่สำคัญควรดูแลสุขภาพช่องปากให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อให้เหงือกกกลับมามีสุขภาพดีและคืนรอยยิ้มที่สดใสให้กับคุณอีกครั้ง